http://cai.md.chula.ac.th/lesson/research/re12.htm#06-6ได้รวบรวมแล้วกล่าวไว้ว่า การเขียนโครงร่างการวิจัย ในส่วนที่เกี่ยวกับ "ระเบียบวิธีวิจัย" นั้น สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ
ข. การสังเกตและการวัด (Observation & Measurement)
1.1 หลักเกณฑ์ในการคัดเลือก ประชากรและตัวอย่าง โดยมักจะกำหนด กฏเกณฑ์ในการคัดเลือก (diagnostic criteria) พร้อมทั้งมีเหตุผล ประกอบชัดเจน ในหลักเกณฑ์แต่ละข้อ ซึ่งรวมทั้ง กฏเกณฑ์ในการคัดเลือกเข้ามาศึกษา (inclusion criteria) และกฏเกณฑ์ในการ ตัดออกจากการศึกษา (exclusion criteria) โดยกฏเกณฑ์เหล่านี้ จะมีผลต่อการขยายผล (generalize) การวิจัยไปใช้ ถ้ากฏเกณฑ์มีการจำเพาะมาก เช่น มีกฏเกณฑ์ในการตัดคนไข้ ออกจากการศึกษามากมาย การขยายผลการศึกษา ไปยังประชากรเป้าหมาย จะเป็นไปอย่างจำกัด แต่ผลการศึกษา จะมีความไว ในการตอบคำถามได้ดี
1.2 เทคนิคในการสุ่มตัวอย่าง (Sampling Techniques) ให้ระบุถึง วิธีการในการสุ่มตัวอย่าง ซึ่งโดยทั่วไหแล้ว ตัวอย่าง (Sample) ต้องมีลักษณะต่าง ๆ คล้ายกับประชากรตัวอย่าง(population sampled) มากที่สุด เพื่อสามารถจะเป็นตัวแทน (representative) และทำให้สามารถนำผลการวิจัย ขยายผลไปยังประชากรเป้าหมาย (arget population) ได้
ก่อนดำเนินการสุ่มตัวอย่าง ควรมีการกำหนด หน่วยตัวอย่าง (sampling unit) และกรอบตัวอย่าง (sampling frame) ให้ชัดเจนก่อน
เทคนิคในการสุ่มตัวอย่างแบ่งใหญ่ ๆ ได้เป็น 2 วิธีคือ
(ii) การสุ่มตัอวย่างแบบเป็นระบบ (Systematic Random Sampling)
(iii) การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling)
(iv) การสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Sampling)
(v) การสุ่มตัอวย่างแบบหลายขั้นตอน (Muti - stage Random Sampling)
(ii) เลือกโดยความบังเอิญ (Accidental Sampling)
(iii) เลือกโดยการกำหนดจำนวนไว้ก่อน (Quota Sampling)
(iv) เลือกโดยความจงใจ (Purposive Sampling)
1.3 การคำนวณขนาดตัวอย่าง (Sample Size Determination) งานวิจัย ที่ขนาดตัวอย่าง น้อยเกินไป จะไม่สามารถ ตอบคำถามอะไรได้ แต่ถ้าตัวอย่างมากเกินไป แม้ว่าจะตอบคำถามได้ แต่ก็เป็นการสิ้นเปลือง ดังนั้น การคำนวณขนาดตัวอย่าง จึงเป็นสิ่งจำเป็น ขนาดตัวอย่าง ที่คำนวณได้ จะเป็นจำนวนตัวอย่าง ที่น้อยที่สุด ที่สามารถตอบคำถามหลัก (Primary research question) ของการวิจัยนั้น ๆ ได้
2.1 ตัวแปรในการวิจัยนี้ โดยมีการกำหนด ตัวแปรหลัก (ทั้งตัวแปรอิสระ และตัวแปรตาม) โดยให้คำนิยามเชิงปฏิบัติ ที่แน่นอน และชัดเจน (ดูหัวข้อที่ 7) และระบุว่า ตัวแปรอะไรบ้าง เป็นตัวแปรที่ไม่ต้องการ (confounding factors) ที่ผู้วิจัย จำเป็นต้องควบคุม โดยระบุถึงวิธีในการควบคุม ตัวกวนเหล่านี้ เพื่อไม่ให้มีอิทธิพล ต่อตัวแปรหลักด้วย และควรระบุลงไปว่า ตัวแปรต่าง ๆ ที่กำหนดไว้นั้น จะวัดผลโดยใช้มาตร (scale) อะไร (ระดับแบ่งกลุ่ม, ระดับจัดอันดับ, ระดับช่วง หรือวัดค่าที่แท้จริง) รวมถึงหลักเกณฑ์ ในการเลือกตัวแปรเหล่านี้ด้วย
2.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวัดตัวแปร โดยระบุว่า จะใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) แบบบันทึก (record form), เครื่องมือในการชั่ง, ตวง, วัด หรือนับ เครื่องมือนั้น จะสร้างขึ้นใหม่ หรือใช้เครื่องมือที่มีอยู่แล้ว รวมทั้ง การควบคุมคุณภาพ ของเครื่องมือ ขณะนำไปใช้ด้วย
1 วิธีวิจัย จะเลือกใช้วิธีวิจัยแบบใด เช่น จะใช้การวิจัยเอกสาร การวิจัยแบบทดลอง การวิจัยเชิงสำรวจ การวิจัยเชิงคุณภาพ หรือจะใช้หลายๆ วิธีรวมกัน ซึ่งก็ต้องระบุให้ชัดเจนว่าจะใช้วิธีอะไรบ้าง
2 แหล่งข้อมูล จะเก็บข้อมูลจากแหล่งใดบ้าง เช่น จะเก็บข้อมูลทุติยภูมิ จากทะเบียนราษฎร์ สมุดสถิติรายปี สำมะโนประชากรและเคหะ ฯลฯ หรือจะเป็นข้อมูลปฐมภูมิ จากการสำรวจ การสนทนากลุ่ม การสังเกต การสัมภาษณ์ระดับลึก ฯลฯ เป็นต้น
3 ประชากรที่จะศึกษา ระบุให้ชัดเจนว่าใครคือประชากรที่ต้องการศึกษา และกำหนดคุณลักษณะของประชากรที่จะศึกษาให้ชัดเจน เช่น เพศ อายุ สถานภาพสมรส ศาสนา เขตที่อยู่อาศัย บางครั้งประชากรที่ต้องการศึกษาอาจไม่ใช่ปัจเจกบุคคลก็ได้ เช่น อาจเป็นครัวเรือน หมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด ฯลฯ ก็ได้
4 วิธีการสุ่มตัวอย่าง ควรอธิบายว่าจะใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบใด ขนาดตัวอย่างมีจำนวนเท่าใด จะเก็บข้อมูลจากที่ไหน และจะเข้าถึงกลุ่มตัวอย่างได้อย่างไร
5 วิธีการเก็บข้อมูล ระบุว่าจะใช้วิธีการเก็บข้อมูลอย่างไร มีการใช้เครื่องมือและทดสอบเครื่องมืออย่างไร เช่น จะใช้วิธีการส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ การสัมภาษณ์แบบมีแบบสอบถาม การสังเกต หรือการสนทนากลุ่ม เป็นต้น
6 การประมวลผลข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล ระบุการประมวลผลข้อมูลจะทำอย่างไร จะใช้เครื่องมืออะไรในการประมวลผลข้อมูล และในการวิเคราะห์ข้อมูลหรือการทดสอบสมมติฐานจะทำอย่างไร จะใช้สถิติอะไรบ้างในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้สามารถตอบคำถามของการวิจัยที่ต้องการได้
สรุป
การเขียนโครงร่างการวิจัย ในส่วนที่เกี่ยวกับ "ระเบียบวิธีวิจัย" นั้น สามารถแบ่งได้เป็น 2ส่วนด้วยกัน คือ
ข. การสังเกตและการวัด (Observation & Measurement)
1.1 หลักเกณฑ์ในการคัดเลือก ประชากรและตัวอย่าง โดยมักจะกำหนด กฏเกณฑ์ในการคัดเลือก (diagnostic criteria) พร้อมทั้งมีเหตุผล ประกอบชัดเจน ในหลักเกณฑ์แต่ละข้อ ซึ่งรวมทั้ง กฏเกณฑ์ในการคัดเลือกเข้ามาศึกษา (inclusion criteria) และกฏเกณฑ์ในการ ตัดออกจากการศึกษา (exclusion criteria) โดยกฏเกณฑ์เหล่านี้ จะมีผลต่อการขยายผล (generalize) การวิจัยไปใช้ ถ้ากฏเกณฑ์มีการจำเพาะมาก เช่น มีกฏเกณฑ์ในการตัดคนไข้ ออกจากการศึกษามากมาย การขยายผลการศึกษา ไปยังประชากรเป้าหมาย จะเป็นไปอย่างจำกัด แต่ผลการศึกษา จะมีความไว ในการตอบคำถามได้ดี
1.2 เทคนิคในการสุ่มตัวอย่าง (Sampling Techniques) ให้ระบุถึง วิธีการในการสุ่มตัวอย่าง ซึ่งโดยทั่วไหแล้ว ตัวอย่าง (Sample) ต้องมีลักษณะต่าง ๆ คล้ายกับประชากรตัวอย่าง(population sampled) มากที่สุด เพื่อสามารถจะเป็นตัวแทน (representative) และทำให้สามารถนำผลการวิจัย ขยายผลไปยังประชากรเป้าหมาย (arget population) ได้
ก่อนดำเนินการสุ่มตัวอย่าง ควรมีการกำหนด หน่วยตัวอย่าง (sampling unit) และกรอบตัวอย่าง (sampling frame) ให้ชัดเจนก่อน
เทคนิคในการสุ่มตัวอย่างแบ่งใหญ่ ๆ ได้เป็น 2 วิธีคือ
(ii) การสุ่มตัอวย่างแบบเป็นระบบ (Systematic Random Sampling)
(iii) การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling)
(iv) การสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Sampling)
(v) การสุ่มตัอวย่างแบบหลายขั้นตอน (Muti - stage Random Sampling)
(ii) เลือกโดยความบังเอิญ (Accidental Sampling)
(iii) เลือกโดยการกำหนดจำนวนไว้ก่อน (Quota Sampling)
(iv) เลือกโดยความจงใจ (Purposive Sampling)
1.3 การคำนวณขนาดตัวอย่าง (Sample Size Determination) งานวิจัย ที่ขนาดตัวอย่าง น้อยเกินไป จะไม่สามารถ ตอบคำถามอะไรได้ แต่ถ้าตัวอย่างมากเกินไป แม้ว่าจะตอบคำถามได้ แต่ก็เป็นการสิ้นเปลือง ดังนั้น การคำนวณขนาดตัวอย่าง จึงเป็นสิ่งจำเป็น ขนาดตัวอย่าง ที่คำนวณได้ จะเป็นจำนวนตัวอย่าง ที่น้อยที่สุด ที่สามารถตอบคำถามหลัก (Primary research question) ของการวิจัยนั้น ๆ ได้
2.1 ตัวแปรในการวิจัยนี้ โดยมีการกำหนด ตัวแปรหลัก (ทั้งตัวแปรอิสระ และตัวแปรตาม) โดยให้คำนิยามเชิงปฏิบัติ ที่แน่นอน และชัดเจน (ดูหัวข้อที่ 7) และระบุว่า ตัวแปรอะไรบ้าง เป็นตัวแปรที่ไม่ต้องการ (confounding factors) ที่ผู้วิจัย จำเป็นต้องควบคุม โดยระบุถึงวิธีในการควบคุม ตัวกวนเหล่านี้ เพื่อไม่ให้มีอิทธิพล ต่อตัวแปรหลักด้วย และควรระบุลงไปว่า ตัวแปรต่าง ๆ ที่กำหนดไว้นั้น จะวัดผลโดยใช้มาตร (scale) อะไร (ระดับแบ่งกลุ่ม, ระดับจัดอันดับ, ระดับช่วง หรือวัดค่าที่แท้จริง) รวมถึงหลักเกณฑ์ ในการเลือกตัวแปรเหล่านี้ด้วย
2.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวัดตัวแปร โดยระบุว่า จะใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) แบบบันทึก (record form), เครื่องมือในการชั่ง, ตวง, วัด หรือนับ เครื่องมือนั้น จะสร้างขึ้นใหม่ หรือใช้เครื่องมือที่มีอยู่แล้ว รวมทั้ง การควบคุมคุณภาพ ของเครื่องมือ ขณะนำไปใช้ด้วย
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น